ตอนนี้ก็ผ่านมาถึงช่วงรับน้องอีกครั้ง
งานรับน้องปีนี้ก็ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หัวสีอีกตามเคย
ลักษณะเดิมๆ ซึ่งก็มักเป็นมหาวิทยาลัยในระดับภูมิภาค
หรือพวกนักเรียนสายอาชีพ
มหาวิทยาลัยของรัฐในกรุงเทพฯไม่มีปัญหารับน้องมาหลายปีแล้ว
ไม่ทราบว่าด้วยกลไกอะไร เข้าใจว่าเป็นเรื่องสถานะของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยนั้นๆด้วยหนึ่ง
และสภาพแวดล้อมของสังคมด้วยอีกหนึ่ง
ผู้เขียนไม่แน่ใจว่าจะมีคนรู้กี่คนว่าที่เขาพูดต่อๆกันมาว่าประเพณีรับน้องเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนานนั้น จริงๆแล้วมีความจริงครึ่งเดียว
ระบบรับน้องมีมานานจริง แต่ไม่ได้อยู่คู่สังคมไทยโดยตลอด เมื่อช่วงปี 2516-2519 ช่วงที่เป็นยุครุ่งเรืองของเสรีภาพ นักศึกษารุ่นน้องหัวก้าวหน้าสามารถต่อสู้ทางอุดมการณ์กับรุ่นพี่ จนทำให้ไม่มีประเพณีรับน้องในหลายมหาวิทยาลัย เพราะพวกเขาเชื่อว่าการรับน้องเป็นสิ่งที่แสดงถึงความเป็นศักดินาอย่างหนึ่งในสังคม
จนกระทั่งหมดยุคคนเดินตุลา เผด็จการเจริญงอกงามอีกครั้ง ระบบหรือประเพณีรับน้องก็กลับมาใหม่...
หลายครั้งผู้เขียนตั้งคำถามถึงระบบอุปถัมป์ในสังคมไทย (แต่เดิมผู้เขียนมักใช้คำว่าระบบเส้นสาย แต่เนื่องจากเพื่อความทันสมัย เลยใช้คำว่าระบบอุปถัมป์) ว่ามันสิ่งที่ชอบธรรมหรือไม่ สำหรับสังคมสมัยใหม่ที่วัดคุณค่าของคนจากผลงาน จากพฤติกรรมที่แสดงออกระหว่างการทำงาน ไม่ได้วีดจากสถานภาพทางสังคม (หรือชนชั้น)แบบสมัยก่อน....
มีบางคนบอกว่าระบบอุปถัมป์บางครั้งก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายทั้งหมด ผู้เขียนไม่ชอบใจเอาเสียเลย.....
ตอนนี้คนในสังคมเอาคุณธรรม หลักธรรมต่างๆมาปนกันมั่วไปหมด ความกตัญญู การตอบแทนคุณ ความเอื้ออารีจากผู้ใหญ่ให้ผู้น้อย ขยุ้มรวมกันจนได้ระบบอุปถัมป์ขึ้นมา......
วันนี้ง่วงนอนคิดไม่ออกแล้ว....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น