คำพูดที่ว่า "หมอโง่ได้ แต่อย่าชั่ว" เป็นคำพูดที่นักศึกษาแพทย์จะได้ยินกันหลายครั้งมาก ในช่วงของการรับน้อง โดยเฉพาะช่วงปลูกฝังอุดมการณ์เพื่อสังคม อย่างการว้าก หรือการอบรม และแน่นอนว่าคำพูดนี่ถูกใจบรรดานักศึกษาใหม่ผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความฝัน และความหวังที่จะได้ทำอะไรดีๆเพื่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง
แต่ถ้าพิจารณาดูให้ดีๆแล้ว ประโยคสั้นๆประโยคนี่มีความนัยที่ซ่อนอยู่หลายอย่าง ซึ่งทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าประโยคนี่เป็นเพียงประโยค "พูดเอามัน" เท่านั้น
ความหมายของคำว่าชั่ว
สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าพอพูดประโยคนี้แล้วรู้สึกมันในอารมณ์ก็เป็นเพราะมีคำว่าชั่วอยู่ในประโยคนี่แหละ คำว่าชั่วนี้ดูชัดเจนดี สั้นๆ ดิบๆ หมายถึงความไม่ดี ไม่งาม เลวร้าย ย่ำแย่ เวลาจะพูดโจมตีใครก็ต้องเอาคำคำนี้ไปพูดเสียหน่อย เช่น รัฐบาลชั่ว นักการเมืองชั่ว ซึ่งก็น่าสนใจว่าคำว่าชั่วที่ว่านี้ กินความขนาดไหน การทุจริต คอรัปชั่น โกงกินบ้านเมือง การกระทำอนาจาร ฆ่าผู้อื่น นี่คือตัวอย่างของความชั่วที่เห็นได้ชัด แต่ผู้เขียนอยากจะตั้งคำถามว่าการกระทำเหล่านี้จะถือว่าเป็นความชั่วด้วยหรือไม่ การขี้เกียจเรียนหนังสือ การทุจริตโดยการลอกรายงาน การลอกข้อสอบ การรับผลประโยชน์จากบริษัทยา การประพฤติตนเป็นชนชั้นศักดินา ฯลฯ
ความหมายของคำว่าโง่
คำว่าโง่ ในความหมายของคนทั่วๆไป มักจะเข้าใจว่ามีความหมายอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ๑ ความไม่รู้ในเนื้อหาทางวิชาการ ๒ ความเบาปัญญา ไม่สามารถพิจารณาเรื่องราวต่างๆได้อย่างซับซ้อน ในที่นี่คำว่าโง่คงเป็นความหมายอันแรก โดยรวมก็จะสรุปได้ความว่าหมอสามารถขาดความรู้ทางวิชาการได้ ถ้าหมอเป็นคนดี (คือไม่ชั่ว)
ความรู้มีมากมาย ไม่สามารถรู้ได้หมด
เพื่อความเป็นธรรม ความจริงแล้วความรู้ทางการแพทย์นั้นมีมากมายเหลือคณานับ จึงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คนธรรมดาๆจะสามารถรู้ครอบคลุมไปได้หมด แต่ประเด็นที่ผู้เขียนอยากจะชี้คือ การเป็นคนดีสามารถเป็นข้ออ้างให้กับความไม่รู้นั้นได้หรือไม่? ความไม่รู้นั้นเกิดขึ้นเพราะอะไร? ถ้าเป็นคนดีตั้งใจขยันเรียน จะทำให้รู้ความรู้นั้นหรือไม่? ความชั่วที่ว่ามาคือการกระทำระหว่างเรียน หรือระหว่างทำงาน หรือทั้งสองเวลา? อีกประเด็นหนึ่งที่น่าคิด คือการพูดแบบนี้กันมากๆเวลามีความผิดพลาดเกิดขึ้น ผู้เขียนไม่แน่ใจว่ามันเป็นเพียงการแก้ตัว การหาข้ออ้าง โดยไม่จำเป็นหรือเปล่า แทนที่จะมาหาว่าความผิดพลาดเกิดจากอะไร กลับสรุปว่าเราเป็นคนดีแล้ว เท่านั้นหรือ...
โง่ได้แต่อย่าชั่ว เพราะจะไม่มีใครทำอะไรคุณได้
เพราะคุณฉลาด เพราะคุณอยู่ในสถานะที่ไม่มีใครทำอะไรคุณได้ คนอื่นก็ต้องพึ่งพาคุณ ประเด็นนี้เกี่ยวข้องกับระบบอุปถัมภ์ในสังคมไทย อย่างที่ใครคนหนึ่งเคยว่าไว้ว่าสังคมไทยอยู่กับที่ส่วนหนึ่ง เพราะระบบอุปถัมภ์ ซึ่งวงการแพทย์เองก็ไม่มีข้อยกเว้น ผู้เขียนคิดว่าโจทย์สำคัญข้อหนึ่งคือ วงการแพทย์จะสามารถก้าวพ้นวิกฤติศรัทธาจากคนในสังคมปัจจุบันได้อย่างไร ผู้เขียนคิดว่าทางหนึ่งที่พอจะแก้ปัญหาได้คือการกำจัดระบบอุปถัมภ์ โดยการให้ความมั่นใจกับสังคมว่า คนชั่วในวงการแพทย์จะต้องได้รับการกำจัดอย่างเด็ดขาด โดยผ่านการกระบวนการบังคับ หรือสภาพบังคับที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส สามารถให้คำตอบกับสังคมได้ ตามหลักการรัฐสมัยใหม่ที่ประชาชนจะต้องได้รับการคุ้มครอง มีสิทธิ เสรีภาพอย่างที่พึงมีพึงได้
ถ้าไม่ชั่ว ก็คงไม่โง่มากนัก
อย่างที่ว่ามา ความรู้วิชาแพทย์นั้นกว้างขวางและเกิดใหม่ทุกวัน ผู้เขียนเชื่อว่าแพทย์เองไม่ต้องเป็นคนดีมากนัก แต่ด้วยความเป็นแพทย์ ความอยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จะทำให้แพทย์มีแรงผลักดันตนเอง ให้พ้นจากความโง่ได้ในที่สุด เพื่อที่พวกเราจะได้ไม่ต้องมาพร่ำบอกรุ่นน้องว่า "หมอโง่ได้..." ต่อไปอีก